หัวข้อ   “ แรงงานต่างด้าว ปัญหาและความจำเป็นต่อเศรษฐกิจไทย ”
 
นักเศรษฐศาสตร์ 72.1% เชื่อหากรัฐบาลไม่มีนโยบายอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับแรงงาน
ต่างด้าวออกมา แนวโน้มปัญหาแรงงานต่างด้าวในสังคมไทยจะรุนแรงขึ้นในช่วง
2-3 ปีถัดจากนี้ไป
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
 
                 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็น
นักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 32 แห่ง จำนวน 68 คน เรื่อง “แรงงานต่างด้าว
ปัญหาและความจำเป็นต่อเศรษฐกิจไทย
” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 22 – 29 มี.ค.
ที่ผ่านมา พบว่า
 
                 นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 73.5 เห็นว่าแรงงานต่างด้าว “มีความสำคัญมาก”
ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทย
มีความพร้อมแค่ไหนในการเปิดเสรีแรงงานในประเทศเศรษฐกิจอาเซียน นักเศรษฐศาสตร์
ร้อยละ 67.6 เชื่อว่า “ยังไม่มีความพร้อม” โดยให้เหตุผลว่า แม้ว่าการเปิดเสรีแรงงานใน
อาเซียนไม่ใช่การเปิดเสรีทั้งหมดแต่เป็นการเปิดเสรีแรงงานที่มีทักษะใน 7 สาขาวิชาชีพ
แต่ปัจจุบันนี้แรงงานของไทยก็ยังมีปัญหาด้านทักษะที่อยู่ในระดับต่ำ ไม่ว่าจะเป็นทักษะ
ทางด้านภาษา ฝีมือแรงงานที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา รวมถึงมีความอดทนต่ำ ในส่วนของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยยังมี
ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ และแบ่งแยกทักษะของแรงงานเพื่อให้เกิดการใช้งานที่เหมาะสม นอกจากนี้ กฏหมายที่ใช้
ควบคุมแรงงานต่างด้าวของไทยยังไม่รัดกุมและเข้มงวดพอ
 
                 ทั้งนี้เมื่อถามว่า รัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการ/จัดระเบียบ แรงงานต่างด้าวมากน้อย
เพียงใด นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 52.9 มองว่า “ให้ความสำคัญน้อย” รองลงมาร้อยละ 22.1 มองว่า “ให้ความสำคัญน้อยที่สุด”
 
                 เมื่อถามถึงความเห็นที่มีต่อประเด็น ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันว่ามีสาเหตุมาจาก
ปัจจัยใดมากที่สุด ร้อยละ 94.1 เห็นว่าเป็นเพราะไม่มีการจัดระบบ ระเบียบ แรงงานต่างด้าว รวมถึงข้าราชการของไทยที่ไม่
เข้มงวด ไม่มีการคัดกรองแรงงาน หรือปล่อยให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
 
                 สุดท้ายเมื่อถามว่าหากรัฐบาลไม่มีนโยบายอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวออกมา แนวโน้มปัญหาแรงงาน
ต่างด้าวในสังคมไทยจะมีทิศทางเป็นอย่างไรในช่วง 2-3 ปีถัดจากนี้ไป ร้อยละ 72.1 เชื่อว่า ปัญหาแรงงานต่างด้าวจะรุนแรง
มากยิ่งขึ้น
 
                 ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์เสนอว่า รัฐบาลไทยควรมีนโยบายที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ
และลดปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากแรงงานต่างด้าว ด้วยการ
                        1. จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว โดยในแต่ละปีควรมีจำนวนแรงงานที่แน่นอน มีการจัดชั้นแรงงานตาม
                 ทักษะ มีการอบรมให้กับแรงงานต่างด้าว ในส่วนของนายจ้างก็ต้องมีการปฎิบัติตามกฎหมายที่จริงจัง
                 ให้ความเป็นธรรมกับลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว
                        2. เคร่งครัดการปฎิบัติตามกฏหมาย และกำหนดโทษให้สูงขึ้นโดยเฉพาะในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ
                 เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้จะต้องมีการปราบปรามยาเสพติดที่แรงงานต่างด้าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
                 ซึ่งปัญหายาเสพติดจะนำปัญหาอื่นๆ ตามมา
                        3. บูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของภาครัฐ ผู้ประกอบการ ลูกจ้างแรงงานต่างด้าว รวมถึง
                 รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาสู่ทางออกในการแก้ปัญหา
 
                 โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้
 
             1. ความคิดเห็นต่อประเด็น แรงงานต่างด้าวมีความสำคัญมากน้อยเพียงใดต่อการเติบโตของ
                 เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน

 
ร้อยละ
มีความสำคัญมากที่สุด
10.3
มีความสำคัญมาก
73.5
มีความสำคัญน้อย
7.4
มีความสำคัญน้อยที่สุด
4.4
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
4.4
 
 
             2. ความเห็นต่อประเด็น ประเทศไทยมีความพร้อมแค่ไหนในการเปิดเสรีแรงงานในประเทศเศรษฐกิจ
                 อาเซียนในปัจจุบัน

 
ร้อยละ
มีความพร้อมแล้ว
8.8
ยังไม่มีความพร้อม โดยให้เหตุผลว่า
  • การเปิดเสรีในอาเซียนไม่ใช่การเปิดเสรีทั้งหมดแต่เป็นการเปิดเสรี
    แรงงานที่มีทักษะใน 7 สาขาวิชาชีพ ซึ่งปัจจุบันนี้แรงงานของไทย
    ยังมีปัญหาด้านทักษะที่อยู่ในระดับต่ำไม่ว่าจะเป็นทางด้านภาษา
    ฝีมือแรงงานที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา รวมถึงมีความอดทนต่ำ
  • ในส่วนของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องการ
    บริหารจัดการ และแบ่งแยกทักษะของแรงงานเพื่อให้เกิดการ
    ใช้งานที่เหมาะสม นอกจากนี้ กฏหมายที่ใช้ควบคุมแรงงาน
    ต่างด้าวของไทยยังไม่รัดกุมและเข้มงวดพอ
  • นโยบายของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ชัดเจน ส่งผล
    ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฎิบัติไม่จริงจัง จึงทำให้ปัญหา
    แรงงานต่างด้าวยังคงมีอยู่
67.6
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
23.6
 
 
             3. ความเห็นต่อประเด็น รัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการ/จัดระเบียบ
                 แรงงานต่างด้าวมากน้อยเพียงใด

 
ร้อยละ
ให้ความสำคัญมากที่สุด
0.0
ให้ความสำคัญมาก
10.3
ให้ความสำคัญน้อย
52.9
ให้ความสำคัญน้อยที่สุด
22.1
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
14.7
 
 
             4. ความเห็นต่อประเด็น ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันมีสาเหตุมาจาก
                 ปัจจัยใดมากที่สุด (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

 
ร้อยละ
นายจ้างที่ไม่มีธรรมาภิบาล
33.8
ตัวแรงงานต่างด้าวเอง (มองในแง่นิสัย หรือพฤติกรรมส่วนบุคคล)
50.0
ไม่มีการจัดระบบ ระเบียบ แรงงานต่างด้าว รวมถึงข้าราชการ
ของไทยที่ไม่เข้มงวด ไม่มีการคัดกรองแรงงาน หรือปล่อย
ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
94.1
บทกำหนดโทษของกฎหมายไทยยังอ่อน
39.7
คนไทย/สังคมไทยเป็นตัวบีบคั้นให้แรงงานต่างด้าวกระทำผิด
16.2
อื่นๆ คือ ยาเสพติด เจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่น
1.5
 
 
             5. หากรัฐบาลไม่มีนโยบายอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวออกมา แนวโน้มปัญหาแรงงาน
                 ต่างด้าวในสังคมไทยจะมีทิศทางเป็นอย่างไรในช่วง 2-3 ปีถัดจากนี้ไป

 
ร้อยละ
ปัญหาแรงงานต่างด้าวจะรุนแรงขึ้น
72.1
ปัญหาแรงงานต่างด้าวจะลดน้อยลง
7.4
ปัญหาแรงงานต่างด้าวจะเหมือนเดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง
16.2
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
4.3
 
 
             6. รัฐบาลไทยควรมีนโยบายอย่างไรที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ
                 และลดปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากแรงงานต่างด้าว (ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม อาทิ
                 อาชญากรรมยาเสพติด ปัญหาสาธารณสุข อาทิ การนำเชื้อโรคเข้าประเทศ รวมถึงปัญหา
                 ความมั่นคง)

  1. จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว โดยในแต่ละปีควรมีจำนวนแรงงานที่แน่นอน มีการจัดชั้น
    แรงงานตามทักษะ มีการอบรมให้กับแรงงานต่างด้าว ในส่วนของนายจ้าง ก็ต้องมี
    การปฎิบัติตามกฎหมายที่จริงจัง ให้ความเป็นธรรมกับลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว

  2. เคร่งครัดการปฎิบัติตามกฏหมาย  และกำหนดโทษให้สูงขึ้นโดยเฉพาะในกรณีที่มี
    เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง  นอกจากนี้จะต้องมีการปราบปรามยาเสพติดที่
    แรงงานต่างด้าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งปัญหายาเสพติดจะนำปัญหาอื่นๆ ตามมา

  3. บูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของภาครัฐ  ผู้ประกอบการ  ลูกจ้างแรงงาน
    ต่างด้าว รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาซึ่งทางออกในการแก้ปัญหา
 

** หมายเหตุ:  รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้   เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ
                     นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด

 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์:
                  1. เพื่อสะท้อนความเห็นในประเด็นด้านเศรษฐกิจจากผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
                      โดยตรงไปยังสาธารณชนโดยผ่านช่องทางสื่อมวลชน
                  2. เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการและวางแผนงานเพื่อก่อให้เกิด
                      ประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
 
กลุ่มตัวอย่าง:

                        เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์
               (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง
               จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ
               ด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปี) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจ
               ระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 32 แห่ง ได้แก่   ธนาคารแห่งประเทศไทย   สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
               สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม   สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร   สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์
               สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI)   มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง   ศูนย์วิจัย
               กสิกรไทย   ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย   บริษัททริสเรทติ้ง   ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่ง
               ประเทศไทย   ธนาคารกรุงไทย   ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ธนาคารนครหลวงไทย   ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
               ธนาคารทหารไทย   ธนาคารไทยพาณิชย์   บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ   บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส
               บริษัทหลักทรัพย์ภัทร   บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน   บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน   คณะเศรษฐศาสตร์
               มหาวิทยาลัยทักษิณ  สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์  คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
               คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น   คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร
               คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์   สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัย
               ศรีนครินทร์วิโรฒ   สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา   และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์และนักวิจัย
               ประจำศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  รวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายใน
ระยะเวลาที่กำหนด
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  22 - 29 มีนาคม 2555
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 30 มีนาคม 2555
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่:    
             หน่วยงานภาครัฐ
24
35.3
             หน่วยงานภาคเอกชน
25
36.8
             สถาบันการศึกษา
19
27.9
รวม
68
100.0
เพศ:    
             ชาย
33
48.5
             หญิง
35
51.5
รวม
68
100.0
อายุ:
 
 
             26 – 35 ปี
22
32.4
             36 – 45 ปี
20
29.4
             46 ปีขึ้นไป
26
38.2
รวม
68
100.0
การศึกษา:
 
 
             ปริญญาตรี
3
4.4
             ปริญญาโท
52
76.5
             ปริญญาเอก
13
19.1
รวม
68
100.0
ประสบการณ์ทำงาน:
 
 
             1 - 5 ปี
7
10.3
             6 - 10 ปี
19
27.9
             11 - 15 ปี
10
14.7
             16 - 20 ปี
7
10.3
             ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
25
36.8
รวม
68
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776